ในวันที่ประเทศไทยปลดล็อคกัญชาอย่างเสรี เชื่อว่าต้องมีคนตั้งคำถามเพิ่มว่ากัญชา-กัญชง สามารถช่วยรักษามะเร็งได้จริงไหม ? เพราะที่ผ่านมาก็มีผลการทดลองมากมาย แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้รับความชัดเจนในเรื่องนี้ และทางการแพทย์ยังคงต้องทำการศึกษาต่อไป จนกว่าจะได้ผลวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ และได้ตัวยาจากสารสกัดกัญชา-กัญชงที่สามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ในอนาคต
แต่ด้วยความที่เรื่องกัญชา-กัญชงยังนับว่าเป็นสิ่งใหม่ของใครหลายๆ คน เนื่องจากเดิมทีได้ถูกบัญญัติไว้ในรายชื่อว่าเป็นยาเสพติด เราจึงต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าความจริงแล้วพืช 2 ชนิดนี้ไม่ใช่พืชชนิดเดียวกัน และมีความแตกต่างกันในด้านคุณประโยชน์และปริมาณสารเคมีอีกด้วย กล่าวคือ
กัญชา (Cannabis) มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาคล้ายกับตัวยากระตุ้นประสาท ยากดประสาท ยาหลอนประสาท ยาแก้ปวด และยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทหลากหลายประการในตัวเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือสาร CBD และ THC ที่มักนำมาทดลองกัญชารักษามะเร็ง สำหรับใช้ในผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้ อาเจียน
กัญชง (Cannabis Sativa) มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาคล้ายกับยาแก้อักเสบ หรือยาปฏิชีวนะต่างๆ ถึงแม้จะมีสาร THC เหมือนกัญชา แต่ก็มีในปริมาณที่น้อยกว่ามาก ช่วยให้นอนหลับพักผ่อนได้ง่ายขึ้น เกิดอาการเคลิ้ม ระงับอาการเจ็บปวด และช่วยยับยั้งการจับตัวของเกร็ดเลือด เพราะมีสาร CBD ซึ่งเป็นสรรพคุณที่นำมาใช้ในผู้ป่วยมะเร็งที่รักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด
สำหรับการทดลองกัญชารักษามะเร็ง พบว่าสาร THC และ CBD ที่อยู่ในพืชกัญชา-กัญชง ส่งผลการทดลองในเชิงบวกในห้องปฏิบัติการ (ทดลองโดยใช้กัญชา) คือสามารถทำลายเซลล์มะเร็งหลายชนิดในห้องปฏิบัติการได้โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติ ส่วนในการทดลองกับหนู ปรากฏว่าช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง รวมทั้งลดอัตราเกิดโรคมะเร็งใหม่ของมะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตามยังถือว่าผลการทดลองกัญชารักษามะเร็งยังขัดแย้งกันอยู่ มีเพียงแค่ผลวิจัยของสาร THC และ CBD ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของโรคมะเร็งเท่านั้น
ผลวิจัยของการใช้สารกัญชารักษาโรคมะเร็ง
- ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
นักวิจัยกัญชารักษามะเร็งกลุ่มแรกในปี 2518 รายงานว่ากัญชามีสารสกัดที่อาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปอดและเนื้องอกมะเร็งบางอย่างในหนูทดลองได้ หลังจากนั้นก็เริ่มมีงานวิจัยเพิ่มขึ้น พบว่าสารสกัดจากกัญชาสามารถต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ ได้จริง โดยเป็นการยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นเลือดของก้อนมะเร็ง และลดการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังส่วนอื่นๆ ด้วยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างโปรแกรมการตายของเซลล์มะเร็ง ผ่านกระบวนการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ในปัจจุบันอีกหลายงานวิจัยพบว่าการให้สารสังเคราะห์ในกลุ่มกัญญา เช่น HU-210 สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต้านมะเร็งของยา Paclitaxel และ ยา 5-Fluorouracil ได้
- ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากการได้รับเคมีบำบัด
กัญชามีสาร Nabilone และ Dronabinol เป็นสารสังเคราะห์ที่เป็นอนุพันธ์ของสาร THC ซึ่งมีผลการวิจัยทางคลินิกยืนยันว่า Nabilone มีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดได้ดีกว่ายา Prochlorperazine, Domperidone และ Alizapride ที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ในขณะที่ผลการวิจัยทางคลินิกของ Dronabinol นั้นพบว่ามีประสิทธิภาพในการลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ดีกว่ายา Chlorpromazine และมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยา Metoclopramide และ Thiethylperazine
- เพิ่มความอยากอาหารในผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์
จากผลการวิจัยกัญชารักษามะเร็ง พบว่าในกัญชามีสาร THC สามารถช่วยเพิ่มความอยากอาหารให้ผู้ป่วยมะเร็งและเอดส์ได้ โดยผ่านการทดลองใช้ทางคลินิกเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ และได้รับการอนุมัติให้ใช้สาร Dronabinol ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของสาร THC เพื่อเพิ่มความอยากอาหารได้ในประเทศแคนาดา
- ลดอาการปวด
ต้องบอกก่อนว่าสำหรับอาการปวดเรื้อรังในผู้ป่วยมะเร็งนั้นยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่สารในกลุ่ม Cannabinoid ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ THC ช่วยลดอาการปวดแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรังได้ ส่งผลให้ในทางบวกให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการตัวยาในรูปแบบสเปรย์พ่นในปาก โดยมีส่วนผสมร่วมระหว่าง THC และ CBD ช่วยลดอาการปวดข้อได้
แม้ว่าจะปลดล็อคกัญชาเสรี และมีผลศึกษาการใช้กัญชารักษามะเร็ง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่พบว่ากัญชารักษามะเร็งได้จริง อีกทั้งสารกลุ่มนี้ก็ยังจัดว่าเป็นวัตถุเสพติด เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรใช้ในปริมาณมาก โดยควรเริ่มจากปริมาณน้อยก่อน แล้วจึงเพิ่มปริมาณอย่างช้าๆ และรักษาขนาดของยาให้คงที่โดยพิจารณาจากผลการรักษาเป็นหลัก
ทั้งนี้สารสกัดเหล่านี้ยังมีผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ง่วงซึม มึนงง ปวดศีรษะ การมองเห็นไม่ชัดเจน ปากแห้ง วิตกกังวล มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ คลื่นไส้ มีความผิดปกติของการรับรู้ อาการที่ไม่ค่อยพบเช่น เดินเซ ซึมเศร้า ท้องเสีย ความดันต่ำ หวาดระแวง และ ปวดท้อง อาเจียน ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์อย่างรอบคอบก่อนใช้พืชประเภทนี้
เตรียมรับมือปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดฝันกับ Rabbtit Care แหล่งรวม ‘ประกันสุขภาพ’ ตั้งแต่โรคทั่วไป จนถึงโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง โดยคุณสามารถเลือกดูแผนประกันสุขภาพที่เหมาะกับตัวเองได้ที่เว็บไซต์ https://rabbitcare.com/ หรือโทร. 1438 ฝ่ายบริการลูกค้าที่พร้อมดูแลคุณตลอด 24 ชั่วโมง